UFA Slot

ค้นปมแฟนฮังการี ทำไมจึงมีปัญหาเรื่องการเหยียดเชื้อชาติ

การเหยียดเชื้อชาติ ถือเป็นอาชญากรรมที่พบได้บ่อยครั้งในสนามฟุตบอล

แม้จะมีการปราบปรามอย่างหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่การโจมตีคู่แข่งด้วยความแตกต่างทางสีผิวก็ยังไม่เคยหายไปจากโลกลูกหนังหนึ่งในประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการเหยียดผิวในสนามฟุตบอล คือ “ฮังการี” ซึ่งนอกจากจะสร้างชื่อจนฉาวไปทั่วโลกแล้ว การกวาดล้างพฤติกรรมที่เลวร้ายเหล่านี้ยังแทบไม่เคยเกิดขึ้น เพราะรัฐบาลที่ปกครองประเทศ มีประวัติเหยียดเชื้อชาติ

และเหยียดเพศสภาพยาวเป็นหางว่าว เหตุผลที่แฟนฮังการีเหยียดผิวคู่แข่งไม่เลิก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงต้นตอของแนวคิดอันเลวร้าย ที่ฝังรากลึกในประเทศแห่งนี้มานานเกือบร้อยปี ความเกลียดชังที่ฝังรากลึก สำหรับชาวฮังการี ลัทธินิยมความสูงสุดของคนผิวขาว (White supremacist) ถือเป็นอุดมการณ์ที่ส่งอิทธิพลต่อแนวคิดและวิถีชีวิตของผู้คนในประเทศนี้ พฤติกรรมเหยียดผิวที่คนทั่วโลกเห็นในสนามฟุตบอล จึงเป็นเพียงดอกผลของต้นไม้แห่งการเหยียดผิว ที่เติบโตและฝังรากลึกในฮังการีมานานหลายสิบปีย้อนกลับไปช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของทวีปยุโรปคือ จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ถึงกาลล่มสลายในปี 1918 เนื่องจากพวกเขาพ่ายแพ้สงครามแก่ฝ่ายสัมพันธมิตร นำมาสู่การล่มสลายของระบอบจักรวรรดิทั้งหมดในยุโรป โลกเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคใหม่ เกิดการสถาปนาประเทศใหม่มากมายในทวีปยุโรป

UFA Slot

สำหรับชาวฮังการี ผลลัพธ์ของสงครามโลกครั้งที่ 1 คือความบอบช้ำเกินกว่าจะยอมรับได้

จากที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยเป็นมหาอำนาจที่ปกครองภูมิภาคยุโรปกลาง แต่หลังจากแพ้สงคราม ฮังการีเสียเขตแดนไปเกือบ 75 เปอร์เซ็นต์ ให้กับประเทศหน้าใหม่ พวกเขากลายเป็นแค่ประเทศขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ไม่ต่างจาก เชโกสโลวาเกีย ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งในจักรวรรดิ เมื่อความภูมิใจของชาวฮังการีถูกย่ำยี กระแสชาตินิยมจึงโหมกระพือเหมือนไฟลามทุ่ง

เมื่อนาซีเยอรมันเข้ามายึดครองประเทศแห่งนี้ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 1944 ทางการฮังการีร่วมกับนาซี ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งปี เพื่อกวาดล้างชาวยิวในประเทศจนสิ้นซาก มีรายงานออกมาภายหลังว่า ชาวยิวในฮังการีเสียชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปเกือบ 5 แสนคน ทั้งที่นาซีเยอรมันใช้เวลาในการปฏิบัติการกวาดล้างชาวยิวในฮังการีเพียง10 เดือน หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง กระแสชาตินิยมที่ปรากฏในใจชาวฮังการียังไม่จางหาย พวกเขามองหาพื้นที่ใหม่ที่จะแสดงความเกรียงไกรของประเทศอีกครั้ง ซึ่งช่วงเวลานั้นเอง ขุนพล “เมจิก แมกยาร์” หรือฟุตบอลทีมชาติฮังการี ก็ประกาศตัวขึ้นมาเป็นทีมฟุตบอลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ตลอดช่วงยุค 1930s-1960s ฟุตบอลทีมชาติฮังการี ประสบความสำเร็จมากมายในวงการฟุตบอลระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น รองแชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัย (1938, 1954), อันดับสามฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (1964), เหรียญทองกีฬาฟุตบอล

ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก (1952, 1964, 1968) และแชมป์รายการเซ็นทรัลยุโรปอินเตอร์เนชันแนล คัพ ฤดูกาล 1948–53 สำหรับชาวไทยที่มีโอกาสอ่านความยิ่งใหญ่ของทัพเมจิก แมกยาร์ ผ่านหนังสือประวัติศาสตร์ ย่อมมีความรู้สึกชื่นชมความแข็งแกร่งของทีมฟุตบอลฮังการีเมื่อวันวาน แต่สำหรับชาวยุโรปที่สัมผัสความรุ่งเรืองของฟุตบอลฮังการีด้วยตัวเอง ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน

ติดตามบทความข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ chilehotel.net

Releated

EV

การเปลี่ยนแปลงของรถยนต์ไฟฟ้าจะนำไปสู่การขาดภาษี 1 หมื่นล้านปอนด์ และได้รับประโยชน์สูงสุดจากการประหยัด รายงานเตือน

มีการเสนอภาษีบนท้องถนนใหม่และภาษีมูลค่าเพิ่มที่ลดลงสำหร […]